ตอนเราเด็ก ๆ นั้น เราสามารถร้องไห้ออกมาได้โดยไม่ต้องอายใคร ไม่ต้องสนใจสายตาใคร
เรื่องที่ทำให้เราร้องไห้ได้ง่ายที่สุดคืออยากได้ของเล่น
เสียใจที่สุดแค่โดนแม่ดุ
เจ็บปวดที่สุดแค่ตอนหกล้ม
ตอนนั้นเราไม่ต้องคิดอะไรให้มากมาย ไม่ต้องสวมใส่หน้ากากเอาไว้ตลอดเวลา คิดอะไรก็พูดออกมาตรง ๆ
อยากได้ก็คืออยากได้ หิวก็บอกว่าหิว โกรธก็บอกว่าโกรธ เรียกได้ว่าเป็นโลกที่ 'บริสุทธิ์' อย่างแท้จริง
แต่พอโตมาเรากลับเลือกที่จะเอาความสุขของเราไปผูกไว้กับคนอื่น ไปผูกไว้กับวัตถุ ไปยึดติดกับความคาดหวัง
แล้วพอทุกอย่างไม่เป็นดังใจเราก็เกิดความทุกข์ ความทุกข์ที่เกิดจากเราเอง ความคิดเราเอง หัวใจเราสร้างมันขึ้นมาเอง
เราเลือกที่จะใช้ชีวิตให้มันยากเองโดยการหยิบหน้ากากขึ้นมาสวมใส่กัน จนกลายเป็นมารยาของสังคม
และก็ปลูกฝังทำกันอย่างนั้นเรื่อยมา เด็กที่โตขึ้นมาก็ทำต่อตาม ๆ กัน
ทำให้สังคมเรากลายเป็นสังคมแห่งการใส่หน้ากาก ทำให้สังคมอย่ยากขึ้น
ต่อจากนี้รุ้งอยากจะขอเวลาสัก 1 นาที จากผู้อ่านให้ลองย้อนกลับมาถามตัวเองดูว่า "ความสุขของเราผูกไว้ที่ไหน" เพื่อเราจะได้แก้มันออกซะ เพื่อชีวิตจะได้พบกับความสุขมากขึ้น
ในขณะที่ผู้อ่านกำลังคิด รุ้งอยากจะเท้าความถึงที่ไปที่มาของบทความนี้สักหน่อย
เรื่องมันมีอยู่ว่า.....
16/04/56
รุ้งนัดจะเอางานไปให้คุณเพื่อนตัวดี งานที่ว่าก็คืองานเพื่อนที่รุ้งอาสาเอามาช่วยทำ -_-* แถมยังต้องเดินทางไกลจากบ้านไปที่จังหวัดนนท์เพื่อเอางานไปให้อีก (เหมือนเสียเปรียบยังไงไม่รู้แหะ) เวลานัดของเราคือเที่ยงแต่รุ้งดันไปเร็วกว่าเวลานัด 1 ชั่วโมงรุ้งไปถึง Big C ตอน 11 โมงตรงเป๊ะ เอาล่ะสิเพราะคำนวณเวลาไม่ดีเลยต้องรอ ระหว่างรอเจอร้านโดนัทเจ้าอร่อย แวะหน่อยล่ะกัน ซื้อเสร็จไปนั่งกินอยู่ตรง Food เลือกที่นั่งริมสุดเพื่อสะดวกในการหาตัวของคุณเพื่อน ข้าง ๆ เป็นที่เล่นของเด็ก ๆ ที่มีเครื่องเล่นหยอดเหรียญ สายตารุ้งไปสะดุดอยู่ที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอไม่ใช่เด็กหญิงที่น่ารักจนต้องมองแต่รอยยิ้มของเธอดูสดใส เธอดูสนุกกับเครื่องเล่นยอดเหรียญ รอยยิ้มนั้นทำให้รุ้งเผลอมองอยู่นานพลางเกิดคำถามในใจว่า "มันสนุกตรงไหนกันนะเครื่องเล่นแบบนั้น" แต่พอคิด ๆ ดูอีกทีเมื่อตอนที่เราเป็นเด็กเราเองก็คงเคยรู้สึกสนุกแบบนั้นเหมือนกัน แต่พอมองจากตอนนี้กับรู้สึกว่ามันก็แค่โยกไปโยกมาไม่เห็นน่าสนุกเอาซะเลย อาจเพราะมัวแต่ยึดติดอยู่ก็ได้ว่าเครื่องเล่นสนุก ๆ ต้องรุนแรง หวาดเสียวหรือเปล่านะ รุ้งนั่งมองน้องเขาอยู่พักใหญ่ ๆ รอยยิ้มที่สดใสและดูบริสุทธิ์รอยยิ้มนั้นทำให้รุ้งเผลอยิ้มตามอย่างไม่รู้ตัว ^o^ และมันก็ทำให้รุ้งอยากจะกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง กลับไปสนุกกับเครื่องเล่นยอดเหรียญ กลับไปมีความสุขกับของเล่นชิ้นเล็ก ๆ กลับไปมีรอยยิ้มที่สดใส แ่ต่เพราะทำอย่างนั้นไม่ได้ รุ้งเลยได้แค่นำเรื่องนี้มาเขียน มาแบ่งปัน
นี่ก็คือที่ไปที่มาของบล็อคนี้นั่นเอง แล้วตอนนี้ผู้อ่านได้คำตอบหรือยังค่ะว่า "ความสุขของเราผูกไว้ที่ไหน"
สำหรับตัวรุ้ง รุ้งคิดว่าคงผูกไว้กับงานเขียนเนี่ยแหละ ถึงมันจะไม่ใช่สิ่งที่ผิดแต่มันก็ไม่ได้มีแต่ความสุข เพราะเมื่อเราเขียนเราก็ "คาดหวัง" ให้มีคนอ่าน เมื่อมันไม่เป็นไปตามที่เราหวัง ไม่มีผู้อ่าน หรือผู้อ่านน้อย เราก็เกิดความทุกข์ คิดไปต่าง ๆ นา ๆ เราเขียนไม่ดีหรอถึงไม่มีคนอ่าน ทำไมคนนั้นเขามีแฟนคลับเยอะ ทำไมคนนี้เขามีคนติดตามเยอะ พอคิดมาก ก็ทุกข์มาก โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเรากำลังเอาความสุขไปผูกไว้กับสิ่งที่ไม่ยั่งยืน เรากำลังเอาความสุขไปผูกติดไว้กับความทุกข์ ความทุกข์ที่เราสร้างขึ้นมาเอง จนบางครั้งก็อยา่กจะกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
กลับสู่โลกใบเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ ที่ไม่ต้องคาดหวังในชื่อเสียง เงินทอง ไม่ต้องยึดติดกับคำสรรเสริญ ไม่ต้องทะเยอทะยานหาสิ่งที่ไม่มี ไม่ต้องสวมหน้ากากหนา ๆ ไม่ต้องเก็บความรู้สึก ไม่ต้องฝืนทำในสิ่งที่ไม่ถูกใจ และอื่น ๆ ที่มันคงจะทำให้เรามีความสุขได้มากกว่านี้ แต่เมื่อเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กได้ แต่เราสามารถที่จะนำแนวคิดแบบเด็ก ๆ มาใช้ได้จริงมั้ย ?
เราลองเลิกยึดติด ลองสร้างความพึงพอใจกับสิ่งที่มี เลิกเปรียบเทียบ เลิกคาดหวัง ชีวิตเราอาจจะมีความสุขมากขึ้นก็ได้นะ เราอาจจะยิ้มได้มากขึ้นก็ได้นะ ^o^
แล้วผู้อ่านล่ะค่ะได้คำตอบแล้วหรือยังค่ะว่า "ความสุขผูกไว้ที่ใด" อย่าลืมไปแก้มันกับมาไว้ที่ตัวเองนะคะ
Date : 18042013****
By : Rainbow Gold (สุดปลายรุ้ง)