วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

แค่อยากเขียน......

ปลุกไฟในตัว...ลุกขึ้นมาทำตามฝัน.....นำเดินชีวิตผ่านตัวอักษร...ด้วยเหตุผลเดียว "แค่อยากเขียน" ^_^

"ทำไมถึงชอบเขียน ? เริ่มเขียนได้ยังไง ? งานเขียนน่าสนใจตรงไหน ?"
3 คำถามยอดฮิตที่เชื่อว่านักเขียนที่ประสบความสำเร็จแล้วหลาย ๆ คนต้องเคยผ่านมา เหมือนรุ้งตอนนี้ที่กำลังพยายามจะทำตามฝันตัวเองแต่ก็ต้องก้าวให้ผ่านคำถามเหล่านี้ไปให้ได้เสียก่อน บอกตรง ๆ 3 คำถามข้างต้นที่ถามมารุ้งเองก็ยังไม่มีคำตอบที่สวยหรูหรือเหตุผลอะไรมาตอบได้นอกจากคำคำเดียว "แค่อยากเขียน" สำหรับรุ้งรุ้งว่าการเขียนมันมีจุดเริ่มต้นแค่นี้จริง ๆ นะ แค่อยากเขียนอ่ะ 
พอพูดแบบนี้แล้วเกิดคำถามต่อว่าว่า "แล้วทำไมถึงอยากเขียน ?" เอิ่มม..จะตอบยังไงดีรุ้งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากเขียน มันสนุกหรอก็ใช่ในบบางที มันน่าสนใจก็ใช่ในบางครั้ง มันท้าทายก็ใช่ในบางเวลา ถามว่า "ไม่เบื่อหรออยู่กับตัวหนังสือเยอะ ๆ ?" บอกเลยก็มีบ้างที่เบื่อ เวลาที่เขียนอะไรแล้วมันไปต่อไม่ได้ ความคิดมันตัน ๆ จะบอกเลยเวลานั้นงานเขียนจะน่าเบื่อและทำให้เครียดมาก 
"แล้วทำไมไม่หยุดเขียน ?" 
ก็ไม่ใช่ว่าไม่หยุดนะ แต่มันหยุดไม่ได้ก็เหมือนที่เล่น FACEBOOK อ่ะ เล่นมาก ๆ ถามว่าเบื่อมั้ย มันก็ต้องมีบ้าง แล้วทำไมไม่หยุดเล่นซะล่ะ "ก็มันหยุดไม่ได้" มันก็เหมือนส่วนนึงในชีวิตประจำวันไปแล้ว จะไปไหนทำอะไรกับใครต้องอัพเฟสบอกคนนู้นคนนี่ตลอดเวลา มันก็เหมือนกัน หลายครั้งที่คิดจะหยุดเขียนเพราะคิดว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์เอาซะเลย เขียนกี่เรื่องไม่เคยจบ อ่านแล้วไม่พอใจเลย และอื่น ๆ อีกมากมายที่บั่นทอนความตั้งใจ แต่มันหยุดไม่ได้หรอก ต่อให้เราไม่จับปากกา ไม่จับคอม ไม่ได้เขียนอะไรเลยแต่รู้มั้ยความมหัศจรรย์ของมันอยู่ตรงที่มันจะเกิดเรื่องราวมากมายในความคิด เรื่องราวที่เราอยากจะถ่ายทอดให้คนอื่นได้อ่าน ได้รู้ไปกับเรา และมันก็เป็นไฟให้เราหันกลับมาเขียนอีกจนได้ มันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งเลยกลายเป็นว่าเราไม่เคยหยุดและเราหยุดมันไม่ได้ 
"คิดจะเขียนไปเพื่ออะไร อยากทำเป็นหนังสือหรอ อยากดังหรอ?" 
เอาอีกแล้วกับปัญหาโลกแตกถามว่าอยากทำเป็นหนังสือมั้ย ? บอกเลยไม่มีนักเขียนคนไหนไม่ว่าจะมืออาชีพหรือสมัครเล่นไม่อยากให้เรื่องที่ตัวเองแต่งได้ตีพิมพ์ ทุกคนอยากให้เรื่องของเราได้ออกไปสู่โลกกว้างมากกว่าแค่โลกออนไลน์อยู่แล้ว แต่ถ้าถามว่า "คิดจะเขียนไปเพื่ออะไร?" บอกเลยว่าจุดประสงค์หลัก ๆ เลยไม่ใช่การตีพิมพ์แต่คือการมีคนอ่านที่เขาสนุกไปกับงานเขียนของเรา ต่อให้เป็นแค่คนกลุ่มน้อยเพียงไม่กี่คนก็น่าดีใจมากแล้ว แค่มีคนอ่านคนเขียนก็อยู่ได้แล้ว ยิ่งคนที่อ่านเขาชอบในสิ่งที่เราเขียน หรือสิ่งที่เราเขียนมีประโยชน์ต่อคนอื่น มันเป็นรางวัลชั้นยอดสำหรับนักเขียนหลาย ๆ คนแล้ว 
ไม่ต้องให้ได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ดัง ๆ ไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือที่ขายดีติด Best sell ไม่ต้องมียอดขายทะลุทะลวงเป้าหมาย ไม่ต้องดังจนใคร ๆ ก็รู้จัก แค่มีคนกลุ่มหนึ่งที่รักในสิ่งที่เราเขียน ชื่นชอบในผลงานของเรา แค่คนกลุ่มนี้ก็เหมือนกำลังใจชั้นเยี่ยมแล้วจริง ๆ 
สำหรับรุ้งถ้าถามว่าทำไมถึงอยากเขียน รุ้งคงตอบได้แค่รุ้งชอบและรุ้งอยากเขียนแค่นั้นจริง ๆ ถามว่ารุ้งเขียนเก่งมั้ย บอกเลยว่าไม่ ฝีมือยังต้องฝึกหัดอีกมาก ถามว่าท้อมั้ย? บ่อยครั้งที่เผลอเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับนักเขียนคนอื่น ๆ จนท้อแท้ ไม่อยากเขียนต่อ แล้วจัดการกับความท้อแท้อย่างไร? รุ้งก็ต้องถามตัวเองซ้ำอีกครั้ง มองกลับไปยังจุึดเริ่มต้นที่เคยเดินผ่านมาไม่นานนี้ ว่าตอนนั้นทำไมรุ้งถึงเริ่มเขียน
เพราะรุ้งอยากเด่นอยากดัง อยากมีรายได้จากงานเขียน
   หรือแค่อยากเขียนในสิ่งที่รัก
อยากได้เม้นต์ได้ไลค์
   หรือแค่อยากให้คนอ่านสนุกไปกับสิ่งที่เขียน
อยากให้คนอื่นรู้จักรุ้ง
   หรือแค่อยากให้เขาชอบในสิ่งที่รุ้งเขียน 
ทุกครั้งที่ถามเมื่อได้ทบทวนเมื่อได้คำตอบของตัวเองไฟในการเขียนก็จะกลับมาอีกครั้ง รุ้งพยายามบอกตัวเองทุกครั้งที่เผลอเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ ว่า "การเขียนไม่ใช่การแข่งขันแต่คือการแสดงความสามารถ จุดเด่น ความชอบ ทัศนคติของตัวเองผ่านตัวอักษร" 
แล้่วถ้ามันตันจนเขียนต่อไม่ได้ล่ะทำยังไงดี ไม่เห็นต้องทำอะไรเลยก็แค่หยุดแล้วก็กลับสู่จุดเริ่มต้นอ่านใหม่อีกครั้ง อ่านเยอะ ๆ เดี๋ยวก็เขียนได้เองก็แค่เชื้อเพลิงมันหมดก็ต้องพักและเติมกันหน่อย
"เคยเฉไฉออกจากแนวทางของตัวเองบ้างมั้ย?"
จะบอกว่าบ่อยมากที่หลงกับจำนวนคอมเม้นต์มาก ๆ ยอดวิวเยอะ ๆ หรือเเม้กระทั่งอยากจะได้เงิน อยากจะตีพิมพ์ รุ้งว่ามันไม่ใช่สิ่งผิดนะแต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนที่รักการเขียนแบบเรา จุดเริ่มต้นเริ่มต้นเพราะอยากเขียนไม่ใช่หรอ แล้วทำไมถึงกลายเป็นว่าไปยึดติดอยู่กับเรื่องพวกนั้นล่ะ สิ่งสำคัญที่เราเขียนเพราะเราอยากจะพัฒนาความสามารถอยากให้คนอื่นได้อ่านไม่ใช่หรอ แล้วเรื่องอื่นสำคัญกว่านี้หรือไง
"พอเฉไฉแล้วกลัมาจุดเดิมได้ยังไง ?"
ก็ไม่ได้กลับไปจุดเดิมแต่รีเซ็ทตัวเองเพื่อเริ่มใหม่ ถึงกับต้องหยุดเขียนเพื่อให้ตัวเองได้รู้ว่าเรารักที่จะเขียนจริง ๆ หรือเขียนเพื่อสิ่งตอบเเทน หยุดเขียนเพื่อบอกตัวเองใหม่ว่าจะเขียนเพื่ออะไร หยุดเขียนจนกว่าความรู้สึกที่มันนอกลู่นอกทางจะหมดไปแล้วก็กลับมาเขียนอีกครั้ง

รุ้งว่าชีวิตคนเรากับการเขียนมันก็คล้าย ๆ กันแหละ เราสามารถกำหนดงานเขียนของเราได้ฉันใดเราก็สามารถกำหนดชีวิตตัวเองได้ฉันนั้น แค่วิธีการมันต่างกัน งานเขียนเรากำหนดมันด้วยปลายนิ้วเเละตัวอักษร แต่ชีวิตเราต้องกำหนดด้วยความพยายามและตั้งใจ :"D 

ทุกวันนี้ต่อให้สิ่งที่เขียนจะมีคนอ่านไม่มากนัก
สิ่งที่เขียนจะไม่ได้น่าอ่านเท่าเรื่องไหน
สิ่งที่เขียนอาจไม่สนุกจนถูกใจใครต่อใคร
แต่ก็ภูมิใจมากมายที่มีโอกาสได้เขียน

วันนี้รุ้งอาจไม่ใช่นักเขียนที่เก่งมากมายอะไรนัก แต่รุ้งก็จะพยายามขัดเกลาฝีมือตัวเองให้ดีขึ้น เข็มนาฬิกาไม่เคยหยุดอยู่กับที่ ความสามารถเราก็ไม่ควรที่จะหยุดนิ่งขาดการพัฒนาจริงมั้ย ^o^


Writing non-competitive. But it is told a dream through a  character.
การเขียนไม่ใช่การแข่งขัน แต่มันคือการบอกเล่าความฝันผ่านตัวอักษร
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น