ประมาณ 5 ทุ่ม ของคืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2556
ได้รับโทรศัพท์จากในบ้านว่าน้องสาว (ลูกพี่ลูกน้อง) เกิดอาการชักตอนนี้กำลังไปโรงพยาบาล ด้วยความร้อนใจก็รีบออกจากบ้านพร้อมกับเเม่เข้าไปดูยายและหลาน ๆ ก่อนจะบึ่งรถไปยังโรงพยาบาลเกษมราฏประชาชื่น ที่ที่ใกล้ที่สุด ตอนนั้นน้องได้หยุดหายใจไปเเล้วระหว่างทาง เมื่อไปถึงโรงพยาบาลหมอและพยาบาลก็พสไปห้องฉุกเฉินทำการปั้มหัวใจ เป็นเวลา 2 ชั่วโมง ทางญาติ ๆ อย่างเราได้แต่หวังให้มีปาฏิหารย์ แต่ปาฏิหารย์ก็ไม่มีจริงประมาณตี 1 ของวันที่ 28 หมอก็ได้หยุกการช่วยชีวิตเพราะมันไม่ทันและ ณ วินาทีนั้น เสียใจ ร้องไห้ ยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดใด ๆ ออกมาได้ มันเป็นอะไรที่เกิดขึ้นรวดเร็วอย่างไม่ทันตั้งตัว มันเป็นเพียงช่วงเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่น้องได้จากพวกเราไปอย่างไม่มีทางที่จะกลับมาอีก บอกตรง ๆ ว่าเสียใจมาก ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่ามันจะเป็นเพียงช่วงเวลาครั้งสุดท้าย ไม่คิดว่าน้องจะไปเร็วขนาดนี้อายุเพียง 9 ขวบ ไม่มีอะไรบอกก่อนเลยว่าจะต้องจากกันแล้ว ลาแล้วลาลับ ไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ เลยจริง ๆ รู้สึกเสียใจและเสียดายเวลาที่ผ่าน ๆ มา ไม่เคยบอกว่ารักน้อง ไม่เคยทำตัวเป็นพี่ที่ดีเท่าที่ควร คอยแต่ดุ แต่ว่า แต่ตอนนี้มันไม่มีอีกแล้วเด็กน้อยจะมาให้ดุให้ว่า มันไม่มีอีกแล้วจริง ๆ ไม่คิดว่าคำพูดสุดท้ายที่น้องบอกเรานั้นมันจะเป็นประโยคสุดท้ายว่า "พี่รุ้งหวัดดี" ไม่คิดเลยว่าต่อจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว ไม่คิดว่าวันที่ 12 ก.พ ที่ผ่านมาจะเป็นวันเกิดครั้งสุดท้าย เพราะถ้ารู้วันนั้นคงไม่พลาดแน่ เสียดายจริง ๆ วันเกิดครั้งสุดท้ายก็ไม่ได้เข้าไป ของขวัญก็ยังไม่ได้ให้ ทุก ๆ อย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วเกินจะตั้งตัวเตรียมใจได้ทัน
จากเหตุการณ์ครั้งนี้สอนให้รู้ว่าเราไม่ควรใช้ชีวิตอยู่บนความประมาท เราไม่ควรวางใจต่อความตายและโชคชะตา เพราะมันไม่เข้่าใครออกใคร อย่ารอแต่จะทำวันพรุ่งนี้ หากรักใครเขาก็ควรทำดีกับเขาในทุก ๆ วัน เพราะชีวิตมันไม่แน่ไม่นอน ทำซะตั้งแต่ตอนนี้หากวันใดไม่มีเขาอย่างน้อยเราก็ยังภูมิใจว่าเราได้บอกรักเขาเเล้ว เราทำดีที่สุดแล้ว "ช่วงเวลาครั้งสุดท้ายเรา
ไม่มีทางรู้ว่ามันจะมาถึงเมื่อไหร่ เพราะมันไม่เคยมีจดหมายเตือน"
อยากทำอะไรก็รีบทำ ชีวิตของเราอาจไม่มีวันพรุ่งนี้แล้วก็เป็นได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น