วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

ผิดหรอที่หนูชอบเขียน ?

ก็แค่ชอบเขียนผิดหรอ ก็แค่ชอบอ่านผิดมั้ย ก็ทำไปไม่ได้เดือดร้อนใคร แล้วทำไมทุกคนถึงมองหนู "ไร้สาระ"

"เขียนอะไรไร้สาระ"
"นักเขียนมีอะไรดี"
"อยากเป็นนักเขียนหรอเป็นไปไม่ได้หรอก"
"เขียนอยู่ได้ทั้งวันไม่เบื่อหรือไง"
"นักเขีียนเพ้อเจ้อ"

            และอื่น ๆ อีกบลา ๆ ๆ ที่คนรอบข้างชอบพูดกับรุ้งมาตั้งแต่ที่รุ้งพูดออกไปว่า "หนูอยากเป็นนักเขียน" รุ้งไม่เข้าใจว่าแค่อยากเป็นนักเขียนเนี่ยมันผิดขนาดนั้นเลยหรอไงกันนะ แต่รุ้งก็ไม่กล้าเถียงใครเขาหรอกนะ อาจเพราะตอนนั้นรุ้งเองยังเด็กเกินไป ทำให้รุ้งแพ้ต่อแรงกดดันที่มาจากคำพูดพวกนั้น มันเป็นแรงกดดันที่ทำให้รุ้งจมอยู่กับที่ มันเป็นแรงกดดันที่ทำให้รุ้งอายที่จะบอกใครว่าอยากเป็นนักเขียน มันเป็นแรงกดดันที่ทำให้รุ้งไม่กล้าเขียนหรือแม้แต่ไม่กล้าฝัน 

จนกระทั่ง.........

             ตอนนั้นรุ้งเรียนอยู่ชั้นม.3 เทอมสุดท้ายใกล้จะจบแล้วล่ะ มันเป็นช่วงที่รุ้งต้องเจอแรงกดดันอีกครั้ง เรื่องที่รุ้งจะเลือกเรียนสายอะไร โดยส่วนตัวรุ้งอยากเรียนต่อสายสามัญเพราะรุ้งมีความฝันที่อยากจะเป็นครู เป็นความฝันที่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วแม้กระทั่งตอนนี้รุ้งก็ยังอยากจะเป็นครูอยู่ แต่เพราะคำพูดของคนในครอบครัวที่พูดเสมอว่า 

"ถ้าเรียนสายสามัญจบม.6 แล้วต้องต่อมหาลัยซึ่งต้องใช่เงินเยอะนะ 
อีกอย่างถ้าเรียนสายสามัญจะไม่มีเวลาทำงานนะ ถ้าแม่ไม่มีเงินส่งจะทำยังไง 
เรียนจบแค่ม.6 ทำอะไรกินไม่ได้หรอกนะหางานยาก 
เรียนสายอาชีพได้เรียนไปทำงานไปจบปวช.3 
ถ้าแม่ไม่มีเงินส่งให้เรียนต่อก็ยังหางานทำได้นะ บลา ๆ ๆ"

            แม่บอกว่าแม่ไม่ได้บังคับแต่มันเหมือนการบังคับอยู่กลาย ๆ นะว่ามั้ย -_-* แต่ก็นั่นแหละมันทำให้รุ้งต้องคิดหนักว่าจะเอายังไงดี "ความฝัน" หรือ "อนาคต" จะเลือกอะไรดี ตอนนั้นรุ้งตัดสินใจเลือกมาเรียนสายอาชีพเพราะถ้าให้เลือกรุ้งก็ต้องเลือกอนาคตเพราะรุ้งคิดว่าถ้าอนาคตมั่นคงแล้วค่อยมาตามความฝันมันก็ยังไม่สาย เป็นอันว่าจากการตัดสินใจครั้งนั้นรุ้งจึงต้องพับความฝันที่อยากจะเป็นครูเก็บเอาไว้ก่อน รุ้งขอไม่ใช้คำว่าทิ้งนะเพราะรุ้งไม่ได้ทิ้งแค่หยุดก่อนเฉย ๆ 

            แต่พอพับความฝันนี้เก็บไว้ ไหนจะฝันที่อยากเป็นนักเขียนก็หยุดไปแล้ว ชีวิตตอนนั้นมันเคว้งคว้าง ว่างเปล่ามาก ๆ แม้กระัทั่งตอนที่ไปสมัครเรียนต้องเลือกสาขาวิชา รุ้งเลือกยากมากเพราะไม่มีเป้าหมายอะไรเลยหรือแม้กระทั่งตอนนี้ที่เรียนสาขาการตลาดอยู่ก็ตามรุ้งก็ยังไม่รู้เลยว่าอนาคตจะเอายังไงเรียน 3 ปี แล้วต่อ ปวส. ดีมั้ย หรือ จะต่อมหาวิทยาลัยดีกว่ากัน หรือจบเเล้วจะไปทำงานอะไรดี เป้าหมายไม่มีสักอย่าง พอชีวิตว่างเปล่ารุ้งก็คิดถึงงานเขียนขึ้นมา เหมือนอย่างที่เคยพูดไว้ในบล็อค "แค่อยากเขียน" ว่าคนเราถ้ารักที่จะเขียนแล้วมันหยุดไม่ได้หรอกมันก็เหมือนสารเสพติดชนิดนึงที่พอเรารักเราก็อยากจะเขียน และอาจเพราะว่าตอนนั้นรุ้งโตขึ้นมาหน่อย รุ้งเลยได้รู้ว่ารุ้งไม่ควรเสียเวลาอยู่กับคำพูดของคนอื่นเพราะมันไม่ทำให้รุ้งก้าวหน้าขึ้นเลย อีกอย่างสิ่งที่รุ้งทำก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนซะหน่อย รุ้งเลยได้กลับมาเริ่มเขียนอีกครั้ง

ตอนนี้รุ้งไม่สนแล้วว่าใครจะมองรุ้งยังไง 
ใครจะมองว่าไร้สาระ เป็นไปไม่ได้ รุ้งไม่แคร์เลยจริง ๆ 
รุ้งรู้แค่ว่ารุ้งได้ทำในสิ่งที่รุ้งรัก 
รุ้งได้แบ่งปันเรื่องราวต่าง ๆ ให้คนอื่นได้อ่าน
รุ้งมีความสุขที่รุ้งได้ทำ
และตราบใดที่สิ่งที่รุ้งทำมันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนรุ้งก็จะทำต่อไป
รุ้งอาจต้องฝึกเขียนไปอีก 10 ปี 20 ปี 30 ปี 40 ปี หรือตลอดไป
รุ้งอาจไม่มีโอกาสได้เป็นนักเขียนมืออาชีพ
รุ้งอาจไม่มีโอกาสได้ตีพิมพ์หนังสือของตัวเอง
แต่ถ้ายังมีพื้นที่เเม้จะเป็นพื้นที่เล็ก ๆ ให้รุ้งได้เขียนเรื่องราวต่าง ๆ
แค่นี้รุ้งก็ดีใจมาก ๆ แล้ว
สุดท้ายนี้รุ้งคงต้องขอบคุณพื้นที่ดี ๆ จาก "ทอฝัน" ที่ทำให้รุ้งมีพื้นที่ได้ทำตามความฝันตัวเองต่อไป ^^


DATE : 140420131438
By : Rainbow Gold (สุดปลายรุ้ง)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น